สามารถทราบรายรับ – รายจ่ายในแต่ละเดือน เพื่อจะได้นำไปยื่นภาษีต่อกรมสรรพากรได้ถูกต้อง และยังสามารถช่วยให้ทราบยอดกำไรสุทธิจากการขายของออนไลน์ได้ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันการขายของผ่านช่องทางออนไลน์มีการแข่งขันเป็นอย่างมาก ทั้งต้องแข่งขันกันในด้านคุณภาพสินค้าและราคา จึงทำให้การทำบัญชี ขายของออนไลน์ สามารถตอบโจทย์การทราบทิศทางการขายของออนไลน์ รวมทั้งการยื่นภาษีที่ถูกต้องได้อีกด้วย
ทำบัญชี ขายของออนไลน์ เพื่ออะไร?
การทำบัญชี ขายของออนไลน์ คือ การทำบัญชีสำหรับพ่อค้า แม่ค้าที่ขายของผ่านช่องทางออนไลน์และไม่ได้จดทะเบียนกิจการในรูปแบบบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่จะต้องเสียภาษีให้แก่กรมสรรพากรตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นการจัดทำบัญชี ขายของออนไลน์ จึงสามารถตอบโจทย์การจัดส่งภาษีที่เป็นไปตามความจริงและถูกต้องได้
1. หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% หรือ
2. หักค่าใช้จ่ายตามจริง
ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกเสียภาษีได้ โดยการเสียภาษีแบบหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% นั้น เป็นการคำนวณจ่ายแบบเหมาจ่าย จึงไม่ต้องจัดทำบัญชี ขายของออนไลน์ก็ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะมีรายรับ- รายจ่ายเท่าใด ก็ยังคงต้องเสียภาษีแบบเหมาจ่ายอยู่นั่นเอง
เพื่อให้ทราบผลกำไร – ขาดทุน จากการขายของออนไลน์ และประโยชน์ในการเสียภาษีที่ถูกต้องด้วย
ขั้นตอนการทำบัญชี ขายของออนไลน์
1. เลือกใช้แบบฟอร์มที่กรมสรรพากรกำหนดสำหรับการทำบัญชี ขายของออนไลน์ โดยเราสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของกรมสรรพากรโดยตรง ซึ่งแบบฟอร์มนั้นจะมีรายละเอียดในการทำบัญชีที่ครบถ้วน ทั้งวัน เดือน ปี รายการซื้อซึ่งเป็นรายจ่าย – รายรับ ชื่อผู้ประกอบกิจการ เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เป็นต้น
2. การกรอกรายการประจำวัน สามารถกรอกได้แบบแยกประเภททีละรายการ หรือจะกรอกรายการรวมยอดในแต่ละวันก็ได้ แต่ทั้งนี้การกรอกรายการบัญชีรับ- จ่าย จะต้องกรอกภายใน 3 วัน นับแต่วันทำรายการ เพื่อความถูกต้องและแม่นยำที่สุด
3. จัดเก็บเอกสารประกอบแต่ละรายการรับ-จ่ายให้ครบถ้วน เพื่อประกอบการจัดทำบัญชี ขายของออนไลน์ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ฯลฯ
4.ให้สรุปยอด รายรับ และรายจ่าย เป็นรายเดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ในการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90) ผู้ประกอบการสามารถนำ
“รายรับ” จากรายงานมาแสดงเป็น “ยอดเงินได้พึงประเมิน”
“รายจ่าย” จากรายงานมาหักเป็น “ค่าใช้จ่ายจริง” โดยต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการเท่านั้น
เพื่อให้การเสียภาษีและทราบทิศทางการขายของออนไลน์ว่ามีกำไรหรือขาดทุน และควรขายของไปในทิศทางใด